Tuesday, October 10, 2006

World Day for the Abolition of the Death Penalty - Thailand

The first activity marking World Day for the Abolition of the Death Penalty in Thailand took place on October 10th. There were many adverse conditions, Thailand is still under martial law and prison authorities could insist threatningly that the gathering was illegal, and on no account would they allow it to take place or be photographed in front of the entrance to the prison. Besides, it was raining continually and the road and sorroundings were flooded! The result was a rather restricted showing of shackling chains, the display of a banner calling for abolition, the distribution of literature on the death penalty, and of copies of the statement printed below. The only part of the planned protest which could be carried out in full was the delivery of the statement and literature on the death penalty to the Governor of the Corrections Department.
To supplement the curtailed activity, the statement and literature were also presented at the Prime Minister's Parliamentary Office.

No More Death Penalty, No More Shackling

On the fourth World Day for the Abolition of the Death Penalty, the Thai Coalition against the Death Penalty (TCADP) is joining the international community to review again the traditional actions on heinous offences, which have been in practice by all former governments in Thai history. The Death Penalty is seen as a dark sign of all societies including Thailand; especially as it has been gravely undermining the principle of Buddhism and the right to life of humankind.

Thailand has been moving forward to a civilization in which ruling intellectuals and educated people seem to still maintain primitive thinking in some practices. We are confident that murders and other serious crimes can be reduced in number by addressing the root causes by other means than the death penalty. The solution can be attained by law enforcement, while the authorities themselves must not be involved in any crime on any account, and they should not allow impunity to agencies and agents involved in lawless acts. TCADP has already proposed the former government with an alternative by calling for life sentence to replace the Death Penalty for all crimes.

In the light of humanity and respect for human rights, we are also concerned about the condition of prisoners who are condemned to death, all of whom are shackled on the legs for twenty four hours a day. The Correction Department previously informed us that such practice will be reviewed and that they are willing to learn from the practices of many countries where shackling is not used. However until now this promise, has not been carried beyond the level of words. We have been asked by the international community and the prisoners themselves to campaign to abolish shackling, which is considered a part of torture or double punishment.

On the occasion of World Day for the Abolition of the Death Penalty, TCADP invites the Thai government and Correction Department, as well as Thai people to respond to the good will and similar activities in sixty countries worldwide to abolish the death penalty and shackling.

"No More Death Penalty, No More Shackling" is in line with moral principles. It is time for all Buddhists and others of different religious in Thailand to have collective merit making for all; the victims, executed offenders, executioners and those who passed sentences of death.

In submitting these proposals we also convey our appreciation of the difficult task of prison administration and hope that Thailand may achieve the goal of humane and effective prison reform, especially for the most disadvantaged sector of those condemned to death.

Thai Coalition Against the Death Penalty
10th October 2006

จดหมายเปิดผนึก

วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๙

เรื่อง การยกเลิกโทษประหารชีวิต

กราบเรียน ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุฬานนท์

ในโอกาสวันรณรงค์สากลเพื่อยุติโทษประหารขีวิตวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๙ กลุ่มประสานงานรณรงค์ยุติโทษ ประหารขีวิต หรือ TCADP ประเทศไทยได้ร่วมกับนานาชาติเพื่อทำการทบทวนประเพณีการลงโทษนักโทษที่กระทำความผิดร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลทุกชุดได้ใช้วิธีการประหารชีวิตเป็นการลงโทษนักโทษที่กระทำผิดร้ายแรงมาโดยตลอด ดังที่ทราบกันว่าโทษประหารชีวิตนั้นเป็นปมมืดของทุกสังคมร่วมทั้งสังคมไทย ซึ่งหลักการลงโทษของรัฐต่อผู้กระทำผิดที่ผ่านมาได้กลายเป็นการบั่นทอนหลักการทางศาสนาพุทธ และสิทธิในการมีชีวิตอยู่ของมนุษยชาติมาโดยตลอด

ขณะที่ประเทศไทยได้พัฒนาไปสู่ความก้าวหน้าในหลายๆด้านเป็นอย่างมาก แต่ยังมีการดำรงโทษประหารชีวิตโดยมีความเชื่อว่าจะสามารถจะลดปัญหาและป้องปรามอาชญากรรมได้ ทั้งที่ข้อพิสูจน์ในประเด็นนี้ไม่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนกลุ่มประสานงานรณรงค์ยุติโทษประหารชีวิต มีความเห็นว่าปัญหาอาชญากรรมมีสาเหตุเกี่ยวข้องกับสภาพปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้นการแก้ปัญหาอาชญากรรมต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และต้องแก้โดยการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจัง ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่ยอมให้ผู้กระทำผิดที่เป็นเจ้าหน้าที่หรือบุคคลออื่นสามารถลอยนวลอยู่ได้ในสังคม ทางกลุ่มประสานงานฯได้เคยเสนอทางออกให้รัฐบาลชุดก่อน โดยการให้นำการลงโทษจำคุกตลอดชีวิตมาสำเร็จโทษต่ออาชญากรรมร้ายแรงทุกประเภทแทนการลงโทษประหารชีวิต

บนพื้นฐานของมนุษยธรรมและการเคารพซึ่งสิทธิมนุษยชน กลุ่มประสานงานฯยังห่วงใยในประเด็นการตีตรวนนักโทษกลุ่มที่ทำผิดร้ายแรงนี้ทึ่ถูกตีตรวนขาทั้งสองข้างเป็นเวลา ๒๔ ชั่วโมงและทุกวัน ก่อนหน้านี้ทางกรมราชทัณฑ์เคยกล่าวว่าจะมีการทบทวนการกระทำดังกล่าวโดยยินดีที่จะเรียนรู้จากประเทศอื่นๆว่าจะทำอย่างไรเมื่อได้ยกเลิกการตีตรวนไปแล้ว ขณะนี้กลุ่มประสานงานฯเห็นว่าการสัญญาดังกล่าวยังเป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ไม่มีความคืบหน้าให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ จนทำให้นานาชาติ และนักโทษที่ถูกตีตรวนเองได้ร้องขอให้ยกเลิกการปฏิบัติเช่นนี้โดยเร็ว เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ต่างจากการทรมานหรือการลงโทษสองชั้นนั่นเอง

ในวันยุติโทษประหารฯสากล กลุ่มประสานงานฯขอเชิญชวนรัฐบาลไทยและกรมราชทัณฑ์ รวมถึงประชาชน ร่วมกันขานรับเจตนาดีในครั้งนี้รวมถึงประสานการรณรงค์กับอีกหกสิบประเทศทั่วโลกที่เรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตโดยนำการลงโทษจำคุกตลอดชีวิตมาใช้แทน และยกเลิกการตีตรวน

ความพยายามให้โทษประหารชีวิตและการตีตรวนนักโทษประหารชีวิต ให้หมดไปจากสังคมไทยนั้นเป็นการยึดหลักจริยธรรม ที่สมควรอย่างยิ่งที่ชาวพุทธและผู้ที่นับถือศาสนาอื่นๆในประเทศไทยจะได้ร่วมกันทำบุญกุศลให้กับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ผู้กระทำผิดที่ถูกประหารไปแล้ว และให้เพชรฆาต พร้อมทั้งผู้ที่ตัดสินประหารฯนักโทษได้เข้าถึงบุญอย่างทั่วหน้า


กลุ่มประสานงานฯขอยื่นข้อเสนอนี้ พร้อมกับขอแสดงความชื่นชมที่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกท่านซึ่งทำงานด้วยความยากลำบาก และหวังว่าประเทศไทยจะสามารถเดินไปถึงจุดมุ่งหมายให้มีการปฏิรูปในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเป็นการทำเพื่อผู้ด้อยโอกาสและผู้ที่จะถูกปลิดชีวิตจากโทษประหารชีวิต

กลุ่มประสานงานรณรงค์ยุติโทษประหารชีวิต
สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน(สสส.)
องค์การนิรโทษกรรมสากล ประเทศไทย
Asian Institute for Human Rights (AIHR)
Asian Human Rights Commission (AHRC)
Law Council of
Thailand
Cross Cultural Foundation
Thai Coalition for Human Rights Defender

No comments: